Vitamin C Vitamin C
วิตามิน C ในอาหารมี
2 รูปแบบซึ่งร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทั้ง 2 ชนิดคือ Ascorbic acid และ Dehydroascorbic
acid ซึ่ง
Ascorbic acid มีผลึกสีขาวมีรสเปรี้ยว
วิตามินซี เป็นวิตามินชนิดที่ละลายน้ำได้ (WATER SOLUBLE) เมื่อละลายน้ำมีฤทธิ์เป็นกรด
และเป็นวิตามินที่สลายตัวเร็วที่สุดในจำพวกวิตามินด้วยกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งไวต่อออกซิเจนมาก
(ปฏิกิริยา oxidation) เมื่อตั้งทิ้งไว้ในบรรยากาศที่มีทองแดง
และในสิ่งแวดล้อมที่มีสภาพเป็นด่าง และAscorbic oxidase enzyme ที่มีอยู่ในผลไม้
คุณสมบัติอย่างหนึ่งของวิตามินซีที่ทราบกันดีก็คือช่วยป้องกันและรักษาโรคลักปิดลักเปิด
(scurvy)ได้
จากที่ได้กล่าวมาแล้วว่าวิตามินซี
ในอาหารมี 2 รูปแบบคือ Ascorbic acid กับ Dehydroascorbic acid ซึ่ง
Ascorbic acid มีลักษณะโมเลกุลคล้ายกับน้ำตาลกลูโคสวิตามินซีเมื่อถูกออกซิไดซ์จะกลายเป็น
Dehydroascorbic acid เป็นโมเลกุลที่มีความไวในการทำปฏิกิริยาทางเคมีในร่างกาย
วิตามินซีร่วมในปฏิกิริยา oxidation – reduction และในปฏิกิริยาการขนส่ง
อนุมูล hydrogen ด้วยเหตุนี้วิตามินซีจึงเป็นโมเลกุลที่มีความไวในการทำปฏิกิริยาทาง
reducing agent หรือ antioxidant ที่มีพลังโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในปฏิกิริยาการเผาผลาญสารอาหารไขมัน
และวิตามินซีมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันไม่ให้เกิด oxidation ของ tetrahydrofolate ซึ่งเป็นโฟเลท coenzyme
นอกจากนั้นวิตามินซียังเป็นตัวกระตุ้นให้มีการดูดซึมเหล็กในรูปแบบที่เป็น non-heme ในลำไส้ให้มากขึ้น
ส่วนเหล็กที่อยู่ในเนื้อสัตว์ต่างๆ
จะเป็น heme-iron
ร่างกายจะดูดซึมได้ดี วิตามินซียังเกี่ยวกับการสังเคราะห์ collagen จะเป็นรากฐานของสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคลักปิดลักเปิด
( scurvy ) เมื่อมีการขาดวิตามินซีการทำงานของ enzyme
dopamine -?-hydroxylase จะลดลง ทำให้การสังเคราะห์ neurotransmitters
เป็นไปได้น้อยลง วิตามินซียังมีความเกี่ยวพันกันกับการสังเคราะห์ carnitine ระบบการสร้างภูมิคุ้มกันและการรักษาบาดแผล
ซึ่งวิตามินซีมีผลต่อการทำงานของเม็ดเลือดขาว Macrophage,immune
reponse,wounding healing และ allergic reaction
จากการศึกษาทางระบาดวิทยามีข้อมูลสนับสนุนว่าวิตามินซี
อาจจะเป็นปัจจัยประกอบปัจจัยหยึ่งที่ช่วยลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง และโรคหัวใจ โดยที่วิตามินซีจะทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระ superoxide และ hydroxyl ( HO ) ป้องกันไม่ให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ซึ่งมาจากการสะลายตัวของกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว
( polyunsaturated fatty acid ) วิตามินซีอาจจะทำปฏิกิริยาโดยทางอ้อมในการป้องกันการสะลายตัวของไขมันในเยื่อบุเซลล์
โดยช่วยในการสังเคราะห์วิตามินอีที่ติดกับผนังเซลล์ขึ้นมาใหม่เป็นการป้องกันโรคมะเร็ง
อาจเนื่องมาจากวิตามินซีช่วยในการทำลายพิษของสารก่อมะเร็งโดยการสกัดขบวนการเกิด
เซลล์มะเร็งเนื่องมาจากคุณสมบัติที่เป็น
antioxidant โดยการจับกับอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น และกระตุ้นให้มีภูมิต้านทาน
วิตามินซีมีมากในผักและผลไม้สด โดยเฉพาะพวกพืชตระกูลส้ม เช่น ส้มเขียวหวาน มะนาว ใน 100 มิลลิลิตรของน้ำส้มคั้น
น้ำมะนาว และน้ำสับประรดมีวิตามินซีอยู่ 40 35 และ10 มก. ตามลำดับ ส่วนฝรั่ง 100 กรัม มีวิตามินซีอยู่ 200
มก. อาหารจากสัตว์ที่มีวิตามินมากคือ ตับ ไข่ปลา ในน้ำนมมีน้อย (
น้ำนมคนมีประมาณ 4.4 มก./100 มล. ) น้ำนมวัวมีน้อยกว่าประมาณ
1.3 มก. /100 มล.
อาหารที่มีวิตามินซีน้อยหรือมากหรือไม่มีเลยได้แก่ เนื้อสัตว์ ไข่ ข้าว ขนมปัง
ไขมัน
-การขาดวิตามินซี ทำให้เป็นโรคลักปิดลักเปิด ( scurvy )ซึ่งพบได้ทั้งในเด็กทารกและผู้ใหญ่
-การเจริญเติบโตช้าลง เกิดภาวะโลหิตจาง ช่วงหายใจสั้น มีอาการทางประสาท อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ซีด กระวนกระวาย ร้องกวน
มีอาการปวดตามกระดูกขาและขาบวม โดยเฉพาะบริเวณเหนือเข่า และข้อเท้า
เด็กจะนอนในท่าแบะขาออกทั้ง 2 ข้าง ( scoebutic position ) ถาเด็กเริ่มมีฟันขึ้นมักจะมีเหงือกบวมสีคล้ำและอาจมีเลือดออก
-ผู้ใหญ่พบในผู้ที่ไม่ได้บริโภคอาหารผักและผลไม้สดเป็นเวลานานๆ
ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่กินอาหารไม่เพียงพอจากการทดลองพบว่า ระยะ 2-3 เดือนหลังจากขาดวิตามินซี จะมีจุดเลือดออกเล็กๆใต้ผิวหนังก่อน
ต่อมาจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นจ้ำตามผิวหนัง ( petechial hemorrhages ) เนื่องจากผนังเส้นเลือดฝอยเปราะบาง
เพราะมีโครงสร้างของคอลลาเจนที่ผนังเส้นเลือดฝอยไม่สมบูรณ์ ผิวหนังหยาบและมีตุ่มขึ้นตามบริเวณก้น และต้นขา ขนตามตัวหักและขดงอ
ต่อมามีเหงือกบวม เลือดออกตามไรฟัน ที่ตาขาวมีเลือดออก
นอกจากนี้จะพบอาการผิวหนังแห้ง ปากและตาแห้ง ผมร่วงด้วย
ถ้าขาดวิตามินซีนานกว่า 3 เดือน จะมีอาการเหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อและขาทั้ง 2 ข้าง บวมที่เท้าและข้อเท้า
น้ำตาแห้ง น้ำลายแห้ง ผมร่วง ผิวหนังแห้ง และฟันอาจลุด จิตใจผิดปรกติ และซึมเศร้า
สั่งซื้อผลิตภัฑณ์และเป็นตัวแทนจัดจำหน่าย
ที่คุณ วราพร แคล้วศึก 0859083178
ดูข้อมูลที่http://pannfitmedicalvitaminc.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น